วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ประเทศไทยผลิตรถพลังน้ำได้แล้ว..ครับ

ดีใจกับคนไทยจริงๆ ครับหากว่าจะมีรถยนต์พลังงานน้ำใช้กัน

แปลงไฮโดรเจนผสมกับเบนซินลองวิ่งไร้ปัญหา

ผลิตรถเติมน้ำคันแรกสำเร็จ!! คนไทยอดีต จนท. “องค์การนาซ่า” จับมือนักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีร่วมคิดค้นศึกษาประดิษฐ์อุปกรณ์แยกก๊าซ “ไฮโดรเจน” จากน้ำเปล่านำมาเป็นเชื้อเพลิงผสมใช้กับรถยนต์คันแรกของประเทศสำเร็จ เผยซิ่งรถต้นแบบโดยผสมเบนซิน หรือ LPG 40 เปอร์เซ็นต์ กับไฮโดรเจน 60 เปอร์เซ็นต์ จากกรุงเทพถึงอุดรฯ ใช้น้ำมันเพียง 10 ลิตร ระบุวิ่งทดสอบมาแล้วกว่า 40,000 กิโล ไร้ปัญหา

รายละเอียด
ขอบคุณ นสพ.เดลินิวส์ วันที่ 22 สิงหาคม 2551

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

10 อันดับสิ่งของถวายสังฆทาน

ถึงเพื่อนๆและพี่ๆ เห็นว่ามีประโยชน์เลยเอามาบอกต่อ
เมื่อวันเสาร์ได้ดูรายการ จุดเปลี่ยน เค้าไปสำรวจสิ่งของต่างๆที่บรรจุอยู่ในถังสังฆทานที่พวกเราเคยซื้อและนำไปถวายพระ ซึ่งส่วนมากจะใช้ไม่ได้หรือบางอย่างก็ไม่ใช้ เช่นผ้าขนหนูผืนเล็กๆเท่ากับผ้าเย็นหรือผ้าอังสะที่บางมากๆ เครื่องดื่มชนิดชงอย่างเช่นน้ำขิงผง ในกล่องบรรจุจะมีแค่ 1 ซอง เป็นต้น
ทางรายการจึง ทำแบบสอบถามพระสงฆ์(จากหลายๆวัด)เลย ได้10 อันดับสิ่งของถวายสังฆทาน คือ
1.อุปกรณ์เครื่องเขียน ได้แก่สมุด ปากกาไม้บรรทัด เป็นต้น
2.ใบมีดโกน ที่เป็นแบบด้ามเหล็ก
3.ผ้าไตรจีวร
4.หนังสือที่มีประโยชน์ เช่น หนังสือสวดมนต์ หนังสือที่เกี่ยวกับธรรมะ หนังสือทางวิชาการ และสารคดีที่ให้ความรู้
5.รองเท้าแตะ สีดำรูปแบบตามความเหมาะสม
6.ยารักษาโรคที่ใช้กันทั่วๆไป เช่น แก้ปวด แก้ไข้ ยาลดกรด เป็นต้น
7.ผ้าขนหนูเนื้อดีๆ ขนาดเหมาะสม สีเหลืองนะจ๊ะ
8.อุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์
9.อุปกรณ์ทำความสะอาดเช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้น แปร ง ขัดพื้น เป็นต้น
10.ยาสระผม (ใช้สำหรับสระหนังศีรษะและตอนโกนผม)

คิดว่าครั้งต่อๆไปจะถวายสังฆทานเราควรจะเลือกสิ่งของที่ถวายพระแล้วท่านได้ใช้กันเนอะ
ปล.แค่ส่งต่อหรือบอกต่อก็ได้บุญแล้ว สาธุจ้า

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วิธีง่ายๆ ต่อสู้กับมะเร็ง

ผมได้รับเมล์ฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเพื่อต่อสู้กับมะเร็ง เห็นว่าบทความนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เลยนำบทความมาลงเพื่อเผยแพร่ไว้ให้กับผู้สนใจได้ทราบกัน ครับ..

พ่อเลี้ยงวรรณ พิมพนิช เจ้าของรวมเกษตรฟาร์มบรรยายวิธีรักษามะเร็ง ดังนี้

พ่อเลี้ยงวรรณฯ อายุ 60 ปี เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่กระดูกสันหลัง คุณหมอทั้งไทยและเยอรมัน ไม่รับรองว่าจะรักษาหาย จึงไปทำการรักษาที่เกาหลีเหนือ เป็นเวลา 1 เดือน ก็หายจากโรคกลับมาเมืองไทย

จึงตั้งเป็นมูลนิธิวรรณ รับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ฟรี! ปัจจุบันมีผู้รับการรักษา 2,000 กว่าคน ณ อ.แม่สอด ห่างจาก จังหวัด ตาก 100 กม.

วิธีการรักษามะเร็ง แบบธรรมชาติง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้

1. จิตใจ ต้องสู้
2. อาหาร งดเว้นเนื้อสัตว์แล้วหันมารับประทานอาหารที่มะเร็งไม่รับประทาน 15 ชนิด ได้แก่
2.1 ธัญพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง, ข้าวม้ง, ข้าวบาเล่ย์, ข้าวสาลี, และลูกเดือย นำมาหุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า
2.2 ผักผลไม้ 10 ชนิด ได้แก่ หอมหัวใหญ่, มันฝรั่ง, หรือมันเทศ, กล้วยน้ำว้าสุก (8 ลูก/วัน), ฟักทอง, ข้าวโพดหวาน, ยอดแค, ถั่วพู (2 ชนิดนี้ห้ามขาด),บลอคโคลี่ หรือกะหล่ำ ดอก, ถั่วหวาน และคะน้าฮ่องกง (ผักผลไม้ 5 ชนิดแรกใช้นึ่ง) นำทั้ง 10 ชนิด หั่นเป็นชิ้นๆ นำมาเข้าเครื่องปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้กระเพาะอาหารทำหน้าที่ย่อย จากนั้นนำมารับประทานหนัก 1 กก./วันกับธัญพืช
3. อาบน้ำร้อนสลับเย็นหรือเย็นสลับร้อนอย่างละ 2 นาที รวมเวลา 10 นาที 1ครั้ง/วัน เตรียมน้ำร้อน โดยใช้เครื่องทำน้ำร้อน เตรียมน้ำเย็นโดยหาถังน้ำใส่น้ำแข็ง แล้วอาบร้อนจัดและเย็นจัด เท่าที่ร่างกายทนได้ ภูมิต้านทานโรคทั้งสิ้น 2 จำพวก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
4. การออกกำลังกาย เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 45 นาที/วัน ง่ายไหมครับ

ถ้าเพื่อนสนใจ สามารถเขียนจดหมายติดต่อ ขอรับธัญพืชปลอดสารพิษจากไร่ อ.แม่สอด ตามสถานที่ข้างล่างนี้

"มูลนิธิวรรณ"เลขที่ 3/681 ประชานิเวศน์ ถ.เทศบาลนิมิตเหนือ ลาดยาว จตุจักร กทม.”
- เบอร์โทรศัพท์มือถือ พ่อเลี้ยงวรรณ 02 1580658 / 086-7886222

เตรียมรับมือกับน้ำท่วม ..หรือยัง..

ผมได้อ่านข่าวจากผู้จัดการ ออน์ไลน์ เป็นข่าวที่เกี่ยวกับ น้ำท่วมในปีนี้ (2551) จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แล้วถ้าหากว่าเกิดขึ้นจริง เราจะรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร ลองดูกันครับ ...

1. ติดตามข่าวสารสม่ำเสมอ แต่อย่าตื่นตระหนกตกใจกับข่าวสารที่ได้รับ ควรมีสติกับการรับมือทุกขณะ มีบ้านริมน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่อย่างฝั่งธนบุรี หรือปริมณฑลใกล้เคียงอย่าง สมุทรปราการ, นนทบุรี ควรเฝ้าระมัดระวังเป็นพิเศษ

2. ระหว่างนี้ ควรมีการวางแผนคร่าวๆไว้ว่า เป็นมาตรการเฉพาะครอบครัวการยกหูโทรศัพท์ไปตามหน่วยงานฯคงจะไม่ใช่ทางออกสำหรับเหตุการณ์ที่หลายครัวเรือน หลายพื้นที่ต้องเผชิญปัญหาเดียวกัน พึงระลึกอยู่เสมอว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”

3. ประเมินให้ได้ว่า ระดับน้ำจะอยู่ในระดับไหน น้ำท่วมขังกี่วัน และในระดับนั้นๆพึงจัดการอย่างไร ทั้งกับข้าว
ของต่างๆภายในบ้าน ปลั๊กไฟต่างๆ ตลอดจนคิดในเรื่องการตั้งกระสอบทราย หรืออื่นๆตามความเหมาะสม

4. กรณีที่น้ำท่วมขังไม่เกิน 7 – 15 – 30 วัน ควรเผื่อในเรื่องเสบียงอาหารแห้งไว้ด้วย ที่สำคัญสุดๆ อย่าลืมน้ำเปล่าสะอาด , ยารักษาโรค รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆในกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ไม่ว่าคุณจะอยู่ริมน้ำหรือไม่ ทุกบ้านควรมี เรือไฟเบอร์ 1 ลำ คิดเสียว่า หากไม่ได้ใช้งานก็เอาไว้โชว์เท่ๆก็แล้วกัน แต่ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ คุณจะรู้ว่ามันสำคัญมาก

5. กรณีที่น้ำหลากมากเกินความคาดหมาย จนไม่สามารถอยู่ในบ้านได้ การอพยพเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น ในช่วงวางแผนนี้ควรเริ่มมองหาแหล่งพำนักแห่งที่ 2 ทั้งในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดที่ห่างไกลเส้นทางน้ำ

ขอขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ 1 สิงหาคม 2551 11:33 น.

บทความที่ได้รับความนิยม

The Krungthepturakij web site : bangkokbiznews - finance

Norsorpor.com - ข่าวเด่นวันนี้