วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

LHC ไขความลับจักรวาล หรือสร้างประตูกาลเวลา ??


CERN ได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาว่าจะเดินเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ในวันที่ 10 กันยายนนี้ ข่าวนี้มาพร้อมกับระยะทำเครื่องให้เย็นหลังจาก CERN ได้ประสบความสำเร็จในการข้อสรุปในการเดินเครื่องเร่งอนุภาคตัวใหม่ สถานีโทรทัศน์ได้ทำรายงานครอบคลุมตั้งแต่การเริ่มเดินเครื่องผ่านทางสถานี Eurovision
LHC เป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่มีกำลังมากสุดในโลก สร้างลำแสงอิเล็กตรอนที่มีพลังงานมากกว่า 7 เท่าของเครื่องเก่า และมีความเข้มมากกว่า 30 เท่าเมื่อไปถึงประสิทธิภาพที่คาดหวังไว้ในปี 2010 อุโมงค์ขนาด 27 กิโลเมตรที่เป็นท่อลำแสง LHC อิงเทคโนโลยีที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เครื่อง LHC ในปัจจุบันจึงเปรียบเสมือนเครื่องต้นแบบในตัวมันเอง
สิ้นเดือนกรกฎาคม งานทั้งหมดใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว กับเครื่องยิงอนุภาค 8 ส่วนที่มีอุณหภูมิในการทำงานอยู่ที่ 1.9 องศาเหนือจุดเยือกแข็งสมบูรณ์ (-271°C) ระยะต่อไปขอการทำงานคือการทำเชื่อมต่อ LHC กับเครื่องเร่ง Super Proton Synchrotron (SPS) ที่จะมารวมเป็นส่วนเชื่อมต่อสุดท้ายของห่วงโซ่การยิงของ LHC เวลาระหว่างเครื่องทั้ง 2 ต้องมีความแม่นยำในระดับส่วนเสี้ยวของนาโนวินาที การทดสอบการเชื่อมต่อจะเริ่มในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ และการยิงลำแสงอิเล็กตรอนที่สองแบบหมุนตามเข็มนาฬิกาจะเริ่มในสัปดาห์ถัดไป การทดสอบจะทำเรื่อยจนถึง 9 กันยายน เพื่อแน่ใจว่าเครื่องพร้อมที่จะเร่งและทำให้เกิดการชนของแสงอิเล็กตรอนที่ยิงไปที่มีระดับพลังงาน 5 TeV ต่อลำแสง ซึ่งเป็นพลังงานเป้าหมายในปี 2008 นี้ และลำแสงที่จะวิ่งวนภายใน LHc อย่างเป็นทางการนี้คือวันที่ 10 กันยายน ซึ่งจะใช้พลังงาน 450 GeV (0.45 TeV)

เมื่อการโคจรของลำแสงอิเล็กตรอนเสถียรแล้ว นักวิจัยก็จะนำเข้าสู่ระยะการชนและสุดท้ายก็จะเร่งระบบ LHC ให้เร่งพลังงานไปถึง 5 TeV


บางท่านก็คิดเห็นว่า เป็นจุดเริ่มต้นการสร้างประตูมิติเวลา เพื่อเดินทางข้ามไปยังดินแดนอันไกลโพ้น เพื่อเตรียมย้ายมนุษยชาติในอนาคต

ขอขอบคุณ http://www.foosci.com/node/328

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

เพราะโลกร้อนขึ้น พายุก็แรงขึ้น

สภาวะเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากการที่โลกของเรานั้นมีวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เจริญขึ้น โดยไม่ใส่ใจสภาพแวดล้อมเดิม ส่งผลให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปกคลุมชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก หรือก๊าซเรือนกระจก ขวางกั้นชั้นบรรยากาศโลก เมื่อดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนเข้ามาสู่โลก แต่โลกไม่สามารถสะท้อนรังสีความร้อนผ่านชั้นบรรยากาศกลับออกไปได้ แต่กลับสะท้อนมายังผิวโลก ซึ่ง โลกเรานั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 3 ใน 4 ส่วน ส่งผลให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น มีผลกระทบโดยตรงต่อพื้นผิวน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกและปริมาณไอน้ำในอากาศ น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นมีผลให้ปริมาณน้ำทะเลมีระดับที่สูงขึ้น นอกจากนั้นยังส่งผลทำให้ภูมิอากาศเหลวร้ายลง มีพายุที่รุนแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ปริมาณน้ำทะเลที่สูงขึ้น และพายุที่รุนแรงขึ้น จึงเป็นปัจจัยและมีความเสี่ยงที่จะเกิด สตอร์ม เสิร์ช บริเวณชายฝั่งที่เป็นแนวพาดผ่านของพายุ แต่ก็อาจเป็นความโชคดีของกรุงเทพมหานคร ที่ปากอ่าวไทยไม่กว้างเพียงพอที่จะก่อให้เกิด สตอร์ม เสิร์ช ได้ แต่ก็อย่าได้วางใจซะทีเดียว....สาธุ..สาธุ..

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ประเทศไทยผลิตรถพลังน้ำได้แล้ว..ครับ

ดีใจกับคนไทยจริงๆ ครับหากว่าจะมีรถยนต์พลังงานน้ำใช้กัน

แปลงไฮโดรเจนผสมกับเบนซินลองวิ่งไร้ปัญหา

ผลิตรถเติมน้ำคันแรกสำเร็จ!! คนไทยอดีต จนท. “องค์การนาซ่า” จับมือนักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีร่วมคิดค้นศึกษาประดิษฐ์อุปกรณ์แยกก๊าซ “ไฮโดรเจน” จากน้ำเปล่านำมาเป็นเชื้อเพลิงผสมใช้กับรถยนต์คันแรกของประเทศสำเร็จ เผยซิ่งรถต้นแบบโดยผสมเบนซิน หรือ LPG 40 เปอร์เซ็นต์ กับไฮโดรเจน 60 เปอร์เซ็นต์ จากกรุงเทพถึงอุดรฯ ใช้น้ำมันเพียง 10 ลิตร ระบุวิ่งทดสอบมาแล้วกว่า 40,000 กิโล ไร้ปัญหา

รายละเอียด
ขอบคุณ นสพ.เดลินิวส์ วันที่ 22 สิงหาคม 2551

วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

10 อันดับสิ่งของถวายสังฆทาน

ถึงเพื่อนๆและพี่ๆ เห็นว่ามีประโยชน์เลยเอามาบอกต่อ
เมื่อวันเสาร์ได้ดูรายการ จุดเปลี่ยน เค้าไปสำรวจสิ่งของต่างๆที่บรรจุอยู่ในถังสังฆทานที่พวกเราเคยซื้อและนำไปถวายพระ ซึ่งส่วนมากจะใช้ไม่ได้หรือบางอย่างก็ไม่ใช้ เช่นผ้าขนหนูผืนเล็กๆเท่ากับผ้าเย็นหรือผ้าอังสะที่บางมากๆ เครื่องดื่มชนิดชงอย่างเช่นน้ำขิงผง ในกล่องบรรจุจะมีแค่ 1 ซอง เป็นต้น
ทางรายการจึง ทำแบบสอบถามพระสงฆ์(จากหลายๆวัด)เลย ได้10 อันดับสิ่งของถวายสังฆทาน คือ
1.อุปกรณ์เครื่องเขียน ได้แก่สมุด ปากกาไม้บรรทัด เป็นต้น
2.ใบมีดโกน ที่เป็นแบบด้ามเหล็ก
3.ผ้าไตรจีวร
4.หนังสือที่มีประโยชน์ เช่น หนังสือสวดมนต์ หนังสือที่เกี่ยวกับธรรมะ หนังสือทางวิชาการ และสารคดีที่ให้ความรู้
5.รองเท้าแตะ สีดำรูปแบบตามความเหมาะสม
6.ยารักษาโรคที่ใช้กันทั่วๆไป เช่น แก้ปวด แก้ไข้ ยาลดกรด เป็นต้น
7.ผ้าขนหนูเนื้อดีๆ ขนาดเหมาะสม สีเหลืองนะจ๊ะ
8.อุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์
9.อุปกรณ์ทำความสะอาดเช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้น แปร ง ขัดพื้น เป็นต้น
10.ยาสระผม (ใช้สำหรับสระหนังศีรษะและตอนโกนผม)

คิดว่าครั้งต่อๆไปจะถวายสังฆทานเราควรจะเลือกสิ่งของที่ถวายพระแล้วท่านได้ใช้กันเนอะ
ปล.แค่ส่งต่อหรือบอกต่อก็ได้บุญแล้ว สาธุจ้า

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วิธีง่ายๆ ต่อสู้กับมะเร็ง

ผมได้รับเมล์ฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเพื่อต่อสู้กับมะเร็ง เห็นว่าบทความนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เลยนำบทความมาลงเพื่อเผยแพร่ไว้ให้กับผู้สนใจได้ทราบกัน ครับ..

พ่อเลี้ยงวรรณ พิมพนิช เจ้าของรวมเกษตรฟาร์มบรรยายวิธีรักษามะเร็ง ดังนี้

พ่อเลี้ยงวรรณฯ อายุ 60 ปี เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่กระดูกสันหลัง คุณหมอทั้งไทยและเยอรมัน ไม่รับรองว่าจะรักษาหาย จึงไปทำการรักษาที่เกาหลีเหนือ เป็นเวลา 1 เดือน ก็หายจากโรคกลับมาเมืองไทย

จึงตั้งเป็นมูลนิธิวรรณ รับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ฟรี! ปัจจุบันมีผู้รับการรักษา 2,000 กว่าคน ณ อ.แม่สอด ห่างจาก จังหวัด ตาก 100 กม.

วิธีการรักษามะเร็ง แบบธรรมชาติง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้

1. จิตใจ ต้องสู้
2. อาหาร งดเว้นเนื้อสัตว์แล้วหันมารับประทานอาหารที่มะเร็งไม่รับประทาน 15 ชนิด ได้แก่
2.1 ธัญพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง, ข้าวม้ง, ข้าวบาเล่ย์, ข้าวสาลี, และลูกเดือย นำมาหุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า
2.2 ผักผลไม้ 10 ชนิด ได้แก่ หอมหัวใหญ่, มันฝรั่ง, หรือมันเทศ, กล้วยน้ำว้าสุก (8 ลูก/วัน), ฟักทอง, ข้าวโพดหวาน, ยอดแค, ถั่วพู (2 ชนิดนี้ห้ามขาด),บลอคโคลี่ หรือกะหล่ำ ดอก, ถั่วหวาน และคะน้าฮ่องกง (ผักผลไม้ 5 ชนิดแรกใช้นึ่ง) นำทั้ง 10 ชนิด หั่นเป็นชิ้นๆ นำมาเข้าเครื่องปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อให้กระเพาะอาหารทำหน้าที่ย่อย จากนั้นนำมารับประทานหนัก 1 กก./วันกับธัญพืช
3. อาบน้ำร้อนสลับเย็นหรือเย็นสลับร้อนอย่างละ 2 นาที รวมเวลา 10 นาที 1ครั้ง/วัน เตรียมน้ำร้อน โดยใช้เครื่องทำน้ำร้อน เตรียมน้ำเย็นโดยหาถังน้ำใส่น้ำแข็ง แล้วอาบร้อนจัดและเย็นจัด เท่าที่ร่างกายทนได้ ภูมิต้านทานโรคทั้งสิ้น 2 จำพวก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
4. การออกกำลังกาย เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 45 นาที/วัน ง่ายไหมครับ

ถ้าเพื่อนสนใจ สามารถเขียนจดหมายติดต่อ ขอรับธัญพืชปลอดสารพิษจากไร่ อ.แม่สอด ตามสถานที่ข้างล่างนี้

"มูลนิธิวรรณ"เลขที่ 3/681 ประชานิเวศน์ ถ.เทศบาลนิมิตเหนือ ลาดยาว จตุจักร กทม.”
- เบอร์โทรศัพท์มือถือ พ่อเลี้ยงวรรณ 02 1580658 / 086-7886222

เตรียมรับมือกับน้ำท่วม ..หรือยัง..

ผมได้อ่านข่าวจากผู้จัดการ ออน์ไลน์ เป็นข่าวที่เกี่ยวกับ น้ำท่วมในปีนี้ (2551) จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แล้วถ้าหากว่าเกิดขึ้นจริง เราจะรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร ลองดูกันครับ ...

1. ติดตามข่าวสารสม่ำเสมอ แต่อย่าตื่นตระหนกตกใจกับข่าวสารที่ได้รับ ควรมีสติกับการรับมือทุกขณะ มีบ้านริมน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่อย่างฝั่งธนบุรี หรือปริมณฑลใกล้เคียงอย่าง สมุทรปราการ, นนทบุรี ควรเฝ้าระมัดระวังเป็นพิเศษ

2. ระหว่างนี้ ควรมีการวางแผนคร่าวๆไว้ว่า เป็นมาตรการเฉพาะครอบครัวการยกหูโทรศัพท์ไปตามหน่วยงานฯคงจะไม่ใช่ทางออกสำหรับเหตุการณ์ที่หลายครัวเรือน หลายพื้นที่ต้องเผชิญปัญหาเดียวกัน พึงระลึกอยู่เสมอว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”

3. ประเมินให้ได้ว่า ระดับน้ำจะอยู่ในระดับไหน น้ำท่วมขังกี่วัน และในระดับนั้นๆพึงจัดการอย่างไร ทั้งกับข้าว
ของต่างๆภายในบ้าน ปลั๊กไฟต่างๆ ตลอดจนคิดในเรื่องการตั้งกระสอบทราย หรืออื่นๆตามความเหมาะสม

4. กรณีที่น้ำท่วมขังไม่เกิน 7 – 15 – 30 วัน ควรเผื่อในเรื่องเสบียงอาหารแห้งไว้ด้วย ที่สำคัญสุดๆ อย่าลืมน้ำเปล่าสะอาด , ยารักษาโรค รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆในกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ไม่ว่าคุณจะอยู่ริมน้ำหรือไม่ ทุกบ้านควรมี เรือไฟเบอร์ 1 ลำ คิดเสียว่า หากไม่ได้ใช้งานก็เอาไว้โชว์เท่ๆก็แล้วกัน แต่ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ คุณจะรู้ว่ามันสำคัญมาก

5. กรณีที่น้ำหลากมากเกินความคาดหมาย จนไม่สามารถอยู่ในบ้านได้ การอพยพเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น ในช่วงวางแผนนี้ควรเริ่มมองหาแหล่งพำนักแห่งที่ 2 ทั้งในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดที่ห่างไกลเส้นทางน้ำ

ขอขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ 1 สิงหาคม 2551 11:33 น.

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ป้องกันการแฮก..ไร้สาย..

ทุกวันนี้ระบบเชื่อมต่อสัญญาณและข้อมูลต่างๆ ในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการเชื่อมสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบ "ไร้สาย" หรือ "ไวร์เลส" ได้กลายเป็น "มาตรฐาน" ที่ผู้ผลิตสินค้าต้องใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์ สำหรับผู้บริโภค ประโยชน์ของระบบไร้สาย คือ ความสะดวกสบาย คล่องตัว ไม่ต้องพ่วงสายระโยงระยาง หรือจะหอบหิ้วเอาโน้ตบุ๊กไปใช้งานที่ไหนก็ได้


ซึ่งกลายเป็นช่องว่างเปิดทางให้ "แฮกเกอร์" หรืออาชญากรคอมพิวเตอร์ ลงมือ "เจาะระบบ" ทะลุทะลวงเข้าไปล้วงข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ที่เก็บไว้ในตัวเครื่องโดยที่เจ้าของไม่ทันรู้ตัว!


จุดที่คนร้ายมักใช้เป็นแหล่ง "แฮก" โจมตีเหยื่อ ได้แก่ สถานที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ย่านธุรกิจ หรือห้างสรรพสินค้านั่นเอง


วิธีโจรกรรมของคนร้าย จะใช้โน้ตบุ๊ก หรือมือถือสมาร์ทโฟน ยิงสัญญาณไร้สาย "สแกน" ค้นหามือถือของประชาชนที่เปิดระบบคลื่นวิทยุสื่อสารไร้สาย "บลูทูธ" ทิ้งไว้ เช่น เปิดบลูทูธเพื่อเชื่อมกับชุดหูฟัง ในบางกรณีรัศมีการสแกนดังกล่าวอาจครอบ คลุมถึง 100 เมตร อีกทั้งสัญญาณยังเคลื่อนที่ในลักษณะวงกลม จึงหาตำแหน่งคนร้ายยากขึ้นไปอีก เมื่อพบสัญญาณบลูทูธ แฮกเกอร์จะส่งข้อความ "เอสเอ็มเอส" ไปยังมือถือเหยื่อ เช่น หลอกว่าได้รับรางวัลพิเศษ หรือทางธนาคารติดต่อขอข้อมูลเข้ามา ถ้าหลงเชื่อกดตอบกลับไป ไม่ว่าจะ "ตอบรับ" หรือ "ปฏิเสธ" แฮกเกอร์จะสามารถเข้าควบคุมระบบการทำงานมือถือเหยื่อทันที ถ้าเก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ เช่น บัญชีธนาคาร หรือเปิดระบบทำธุรกิจการเงินผ่านมือถือเอาไว้ (โฟนแบงกิ้ง) ทำให้เจ้าของมือถือเครื่องนั้นๆ เสียทรัพย์โดยไม่ทันตั้งตัว บางกรณีคนร้ายอาจต่อสายโทร.เข้าหา ทำทีเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหลอกถามข้อมูลและรหัสลับต่างๆ ฉะนั้น ถ้าไม่แน่ใจอย่าตอบอะไรกลับไปเด็ดขาด สําหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์-โน้ตบุ๊กเชื่อมสัญญาณไร้สายเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ทั้งชนิด "ไว-ไฟ" หรือ "ไวแม็กซ์" ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือแฮก เกอร์ เพราะเพียงแค่คนร้าย "แฮก" สัญ ญาณเข้าสู่เครื่องของเหยื่อได้ ก็เข้ามาขโมยข้อมูลออกไปจากหน่วยความจำได้แล้ว โดยเฉพาะ "ไวแม็กซ์" นั้นน่าวิตกมาก เนื่องจากรัศมีทำการไกลถึง 30-50 กิโลเมตร คนร้ายจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในรัศมีใกล้เหยื่อแม้แต่น้อย

วิธีป้องกัน"แฮก"ไร้สาย

1. ปิดระบบบลูทูธของโทรศัพท์มือถือ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ

2. ปิดระบบบลูทูธเมื่อเลิกใช้

3. ไม่กดรับไฟล์แปลกปลอมที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอมือถือ

4. ไม่ควรเก็บข้อมูลสำคัญ หรือความลับต่างๆ เอาไว้ในมือถือ

5. หากจำเป็นต้องทำธุรกรรมการเงินผ่านมือถือ หลีกเลี่ยงการกดใช้งานในที่สาธารณะ

6. ไม่ควรเชื่อมต่อระบบไวร์เลสเข้ากับคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊ก ที่มีข้อมูลสำคัญเก็บรักษาไว้

7. แยกเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในหน่วยความจำภายนอกเครื่อง เช่น แฟลชไดรฟ์ เอ็กซ์เทอร์นัลฮาร์ดดิสก์ หรือแผ่นซีดีต่างๆ

8. ในกรณีที่ข้อมูลสำคัญมาก ควรเข้ารหัสการเปิดเรียกดูข้อมูลไว้ด้วย

9. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส ทั้งในมือถือและคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย


ขอบคุณ ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 29 กรกฎาคม 2551

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วางแผนซื้อหุ้น RMF...กันมั๊ย

ในภาวะปัจจุบันหากใครต้องการลงทุนใน RMF ล่ะก็ ช่วงนี้เหมาะครับ เพราะตลาดหุ้นของเราอยู่ในสภาวะขาลง มีกองทุนที่น่าสนใจให้เราเลือกมากมาย โดยส่วนตัวแล้วตอนนี้ผมคิดจะลงทุนใน RMF ไว้เพื่อลดหย่อนภาษี และคิดว่าราคาหุ้นกองทุนนั้น ถูกกว่าเมื่อเดือน สองเดือนก่อน ก็เลยหันมาศึกษา ทำความเข้าใจกับตัวกองทุนก่อนที่จะลงทุน เพราะว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ตามที่ใครๆชอบพูดกัน

.... ลองดูกันเพื่อว่าข้อมูลที่ผมกำลังศึกษา จะมีประโยชน์กับคุณๆ ท่านๆ บ้าง .......



RMF ย่อมาจากคำว่า Retirement Mutual Fund หรือเรียกในชื่อไทยว่า “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ” เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง (กองทุนรวม หมายถึงการนำเงินของผู้ลงทุนหลาย ๆ คนมารวมกัน แล้วมีมืออาชีพ ซึ่งก็คือบริษัทจัดการ คอยบริหารจัดการเงินตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้) ซึ่งมีวัตถุประสงค์พิเศษแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไป คือ RMF เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสะสมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ ที่ทางการให้การสนับสนุนสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ

RMF เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ยังไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) มารองรับ หรือมีสวัสดิการดังกล่าว แต่ยังมีกำลังออมเพิ่มมากกว่านั้นอีก

นโยบายการลงทุนของ RMF
มีให้เลือกหลากหลายเหมือนกองทุนรวมทั่วไป ตั้งแต่กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงปานกลาง ที่อาจผสมผสานระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน ไปจนถึงกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูง เน้นลงทุนในตราสารทุน เช่น หุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิการซื้อหุ้น (warrant)

ข้อแตกต่างของ RMF จากกองทุนรวมทั่ว ๆ ไป ดังนี้
1. หากลงทุนครบตามเงื่อนไขจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
2. ไม่สามารถโอน จำนำ หรือนำหน่วยลงทุนไปเป็นหลักประกันได้
3. ไม่มีการจ่ายเงินปันผล

เงื่อนไขการลงทุนของ RMF เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี มีดังนี้
1. ต้องสะสมเงินอย่างต่อเนื่องโดยซื้อหน่วยลงทุนของ RMF ไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง
2. ต้องลงทุนขั้นต่ำ 3% ของเงินได้ในแต่ละปี หรือ 5,000 บาท (แล้วแต่ว่าจำนวนใดจะต่ำกว่า)
3. ต้องไม่ระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน (ยกเว้นปีใดที่ไม่มีเงินได้ ก็ไม่ต้องลงทุน เนื่องจาก 3% ของเงินได้ 0 บาท เท่ากับ 0 บาท)
4. การขายคืนหน่วยลงทุนทำได้เมื่อผู้ลงทุนอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี และลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

หาความรู้เพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ www.aimc.or.th หรือ www.thaimutualfund.com

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เรื่องของ..บัว..




คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นบัวไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดความบริสุทธิ์ ความเบิกบาน เพราะการเปรียบเทียบดอกบัวที่ชูดอกพ้นจากผิวน้ำว่า เป็นผู้ที่หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เป็นผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าช่วยทำให้เกิดความห่วงใยความผูกพันธ์ของคนในครอบครัว เพราะสายใยบัวคือ ความห่วงใย ความผูกพันธ์


บัวเป็นพรรณไม้น้ำประเภทพืชล้มลุก มีลำต้นและหัวอยู่ในดิน ใต้น้ำการเจริญชูก้านใบและดอกขึ้นมาบนผิวน้ำ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่ ผิวใบเรียบ มีสีเขียวหรือน้ำตาลอ่อน ดอกเป็นกลีบซ้อนกันหลายขั้น ลักษณะดอกคล้ายรูปกรวย เวลาบานคล้ายกับร่ม ดอกมีสีขาว ชมพู เหลือง ผลคือส่วนที่อยู่ตรงกลางดอก ซึ่งมีเมล็ดประกอบอยู่ภายในจำนวนมาก ลักษณะ ขนาดสีสรร ของใบและดอกขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์











วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

German class BR80 (0-6-0)

ในปี 1925 Friedrich Witte เป็นผู้ออกแบบ BR80 โดยปรับเปลี่ยนขนาดของถังต้มน้ำและวงล้อ เพื่อใช้เป็น switching ขนาดเบา






วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

จับตาวิกฤติ ‘สตอร์ม เสิร์ช’

วันนี้ผมอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ เห็นว่าภาวะโลกร้อน อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศเรา เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่นพายุนาร์กีส หรือไม่ เราควรจะต้องทราบเพื่อจะได้เตรียมตัวรับกับสถานการณ์อย่างมีสติ โดยส่วนตัวแล้วผมจะเป็นคนที่ชอบดูภาพยนตร์แนวภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว, พายุ, น้ำท่วม อะไรประเภทนั้น มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ผมเคยดู รู้สึกจะชื่อเรื่องว่า มหาอุทกวิบัติถล่มลอนดอน (Flood) เนื้อเรื่องจะเกี่ยวข้องกับพายุที่ทำให้น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น จนทำให้เมืองต่างๆริมแม่น้ำเทมป์เกิดภาวะน้ำท่วมสูง ทำให้นึกถึงเนื้อหาที่อยู่ในข่าวนี้ ว่าประเทศของเราจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงหรือ ?

“ที่ออกมาพูดไม่ได้ต้องการให้คนตกใจ แต่เตือนเพื่อให้มีการเตรียมการรับมือป้องกัน” เป็นอีกคำกล่าวของ “สมิทธ ธรรมโรช” ตามด้วยการเตือนภัยที่ว่า... “ช่วงเดือน ส.ค.- ต.ค.นี้จะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศไทยทางด้านอ่าวไทย ไล่มาตั้งแต่ชุมพร สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี”

ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงดังกล่าวนี้ ที่ต้องจับตาคือ “อาจทำให้เกิดปรากฎการณ์ สตอร์ม เสิร์ช (Storm Search)” คือปรากฏการณ์ที่ “น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น” ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาถึงปากอ่าวเจ้าพระยา และเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ไปถึงทางเหนือของนนทบุรี 30 กม.ขึ้นไป โดยกว่าจะไหลย้อนสู่ทะเลต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ หากน้ำขึ้นเหนือคลองประปา น้ำเค็มก็จะเข้าปากคลองประปา

“คิดดูสิ เราจะเอาน้ำที่ไหนดื่ม ?”

ขอบคุณ หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ 20 กรกฎาคม 2551

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ดูแลสุขภาพ(หัว)ใจ...กันหน่อย..นะ..

เป็นเรื่องที่พวกเราคงต้องเอาใจใส่ ยิ่งอายุมากขึ้น เลยหลักสี่ ..555.. ก็ต้องยิ่งให้ความสำคัญกับหัวใจของเรามากขึ้น ไม่งั้นคงต้องไปนอนที่โรงพยาบาล โดยส่วนตัวแล้ว ผมให้ความสำคัญกับสุขภาพหัวใจเป็นอันมาก เพราะว่ายังอยากดูโลกนี้ไปอีกนานๆ

วันนี้ขอนำบทความที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพหัวใจมาฝากครับ ....

การออกกำลังทำให้ร่างกายแข็งแรง ในทำนองเดียวกันการออกกำลังหัวใจ ก็ทำให้หัวใจแข็งแรงทนทาน และอยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับสภาวะซึ่งกดดันหัวใจได้อย่างแข็งแกร่ง
การออกกำลังใจ เป็นสิ่งจำเป็นในสภาพชีวิตปัจจุบันของชาวกรุงเป็นอย่างยิ่ง เพราะสภาพแวดล้อมและสภาวะกดดัน ในการดำเนินชีวิตประจำวันของชาวกรุง ทำให้จิตใจจะต้องหมกหมุ่นกับปัญหารอบด้าน และหัวใจก็พลอยถูกลืม ถูกทอดทิ้ง เมื่อถึงจุด หัวใจก็จะอ่อนแอ เกินกว่าที่จะรับสภาวะได้ ก็จะตกใจสุดขีด และหยุดเอาดื้อๆ เสีย
การออกกำลังหัวใจ ส่งเสริมให้หัวใจแข็งแรง เตรียมรับสภาวะตึงเครียด ทุกรูปแบบอย่างภาคภูมิ
การออกกำลังหัวใจนี้ มิใช่ของยากในคนที่ทำอยู่เป็นประจำ มาแต่เด็กจนโต แต่สำหรับผู้ที่จะเริ่มต้น จะต้องเข้าใจถึงแบบแผน ขั้นตอน ความพอเหมาะ และความพอดีของการออกกำลังหัวใจ
การออกกำลังหัวใจมีหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ "พอเหมาะ พอดี ถูกต้อง สม่ำเสมอ"
· ลักษณะการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย
· ระยะเวลาที่ออกกำลัง ต้องพอดีกับระดับกระตุ้นหัวใจ
· ขั้นตอนการออกกำลังที่ถูกต้อง
· กระทำโดยสม่ำเสมอเป็นประจำทุกๆ วัน
การออกกำลังหัวใจ จะกระทำได้โดยการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยใช้กล้ามเนื้อชุดใหญ่ชุดเดียวกันทำเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ พอเหมาะที่จะกระตุ้นหัวใจให้อยู่ในระดับพอสมควรแก่อายุ โดยใช้อัตราชีพจรเป็นตัวกำหนด ดังตารางที่แสดงไว้นี้
ตารางที่ 1 อัตราชีพจรในอัตราที่เหมาะสมเมื่อออกกำลังหัวใจตามอายุในคนปกติ
อายุ (ปี) อัตราชีพจรที่เหมาะสม (ครั้งต่อนาที)
20 118 - 157
25 118 - 155
30 115 - 153
35 114 - 152
40 112 - 150
45 111 - 149
50 109 - 147
55 108 - 145
60 106 - 144
65 105 - 142
70 104 - 140
75 103 - 139

ลักษณะการออกกำลังกับวัย
การออกกำลังหัวใจ ในวัยต่างๆ จะต้องเลือกแบบ ที่เหมาะสมกับวัย และความเชี่ยวชาญของแต่ละบุคคล

ตาราง 2 ลักษณะของการออกกำลังซึ่งสัมพันธ์กับการออกกำลังหัวใจ
การออกกำลังหัวใจ
การเดิน
การวิ่งเหยาะๆ
การวิ่ง
การปั่นจักรยาน
สเก็ตล้อ
เต้นรำ
กระโดดเชือก
กรรเชียงบก
ว่ายน้ำ

ขอขอบคุณ มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่นำเสนอเนื้อหาที่มีประโยชน์ให้กับสาธารณะชน

โครงการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนกีฬากระโดดเชือกขั้นพื้นฐาน “Ropeskipping Coaching Clinic (Fundamental Level)” คลิกดุรายละเอียดและใบสมัคร

technorati

Technorati Profile

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เราคือ DeWitt Clinton ...

เป็นรถจักรไอน้ำรุ่นแรกที่ใช้ในประเทศอเมริกา สร้างในประเทศอังกฤษ
ในปี 1831-32 D. & H. C.C.’s Jervis ได้สร้างรถจักรไอน้ำขึ้นในประเทศอเมริกา มากกว่า 2 คัน หนึ่งในนั้นคือ Dewitt Clinton ...

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การบันทึกเทปลงเครื่องคอมพิวเตอร์ ..ง่ายจัง

เป็นเพราะว่าตัวผมเองเป็นคนชอบฟังเพลง ก็เลยมีเทปเพลงต่างๆ สะสมไว้มากมาย ไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะเก็บเพลงที่ชอบๆไว้ให้ได้นานเท่านาน ก็เลยใช้ Google ค้นหาวิธีการในการแปลงเพลงจากเทปเป็น Mp3 พอจะได้วิธีง่ายๆ ตามนี้ครับ
1. หาเครื่องเล่นเทปที่มี line out ส่วนตัวผมเองใช้เครื่องเล่นเทปของ NPE รุ่น 500SL
2. เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ขอย้ำว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านต้องมี Sound card โดยเชื่อมต่อ Line in กับ Line out ของเครื่องเล่นเทป
3. เตรียมการบันทึกเสียงเพลงจากเทปโปรดของท่านไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ ซึ่งท่านควรจะหาโปรแกรมประเภท Voice recording มาช่วยในการบันทึก ตัวผมเองใช้โปรแกรม Audio editor เพราะว่าใช้ง่ายดีครับ
จากนั้นก็จัดการได้เลยครับ

บทความที่ได้รับความนิยม

The Krungthepturakij web site : bangkokbiznews - finance

Norsorpor.com - ข่าวเด่นวันนี้